พีระมิด คือ
สิ่งก่อสร้างที่ประกอบไปด้วย ผนังสี่ด้านและมียอดแหลมตรงกลาง ชาวอียิปต์โบราณ
จะสร้างพีระมิดขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์และราชินีของพวกเขา กษัตริย์ชาวอียิปต์
เรียกว่า ฟาโรห์ เมื่อ ฟาโรห์องค์นั้นสิ้นพระชนม์
พระศพของพระองค์นั้นก็จะถูกนำมาเก็บไว้ในห้องลับที่ซ่อนอยุ่ในพีระมิด
และจะนำสมบัติล้ำค่าเช่นทองคำ เพชร มาฝังไว้ในห้องลับนี้ด้วย จากนั้นหนทางสู่ห้องลับนี้จะถูกปิดตาย
พีระมิดในประเทศอียิปต์ เป็นหนึ่งในพีระมิดที่เป็นที่รู้จักโดยมีหลายแห่งในประเทศอียิปต์
เป็นสิ่งก่อสร้างของชาวอียิปต์โบราณสมัยก่อนยุคเหล็ก
โดยเฉพาะ พีระมิดคูฟู ในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า นับเป็นสิ่งก่อสร้าง ขนาดใหญ่ที่สุด
ที่มนุษย์เคยสร้างขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางวิทยาการ
ที่น่าอัศจรรย์ของอียิปต์โบราณ
หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า (Giza Pyramid Complex)
แผนผังหมู่พีระมิดแห่งกิซ่าพีระมิด (Pyramid) ใน
ประเทศอียิปต์ มีมากมายหลายแห่งด้วยกัน แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดจนอาจนับเป็นตัวแทนของพีระมิดอียิปต์ทั้งมวล
ได้แก่ หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า (Giza Pyramid Complex) ( 29°58′45.25″N, 31°08′03.75″E) ซึ่งประกอบไปด้วย
พีระมิดคูฟู (Khufu) หรือ มหาพีระมิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) หนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน
มีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า
พีระมิดคาเฟร (Khafre) ตั้งอยู่ตรงกลางของพีระมิดทั้ง
3 และสร้างอยู่บนพื้นที่สูง ทำให้ดูเหมือนมีขนาดใหญ่ที่สุด และมีบางคนเข้าใจผิดว่าพีระมิดคาเฟรคือมหาพีระมิดแห่งกิซ่า ทางทิศตะวันออกของพีระมิดคาเฟรมี
มหาสฟิงซ์ (The
Great Sphinx of Giza) หินแกะสลักขนาดมหึมาที่มักปรากฏในภาพถ่ายคู่กับพีระมิดคาเฟร
พีระมิดเมนคูเร (Menkaure) ขนาด เล็กที่สุดและเก่าแก่น้อยที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า
จากตำแหน่งการก่อสร้างทำให้คาดได้ว่า เดิมอาจตั้งใจสร้างให้มีขนาดใกล้เคียงพีระมิดคูฟู
และพีระมิดคาเฟรแต่ในที่สุดก็สร้างในขนาดที่เล็กกว่า พีระมิดเมนคูเรมักปรากฏในภาพถ่ายพร้อมกับหมู่พีระมิดราชินีทั้ง
3 (The Three Queen's Pyramids) พีระมิดทั้งสามสร้าง
เรียงต่อกันเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกของกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศอียิปต์ในปัจจุบัน
ด้วยโครงสร้างใหญ่โตและลักษณะรูปทรงเรขาคณิตเฉพาะตัว ทำให้สามารถสังเกตเห็นได้จากระยะไกล
ทั้งนี้แม้แต่จากภาพถ่ายดาวเทียม พีระมิดโจเซอร์ (Djoser's Pyramid) พีระมิดขั้นบันไดของฟาโรห์โซเซอร์ที่เมืองซักคารา พีระมิดโจเซอร์ (Djoser's Pyramid) หรือ
พีระมิดแห่งซักการา (The Pyramid of Saqqara) นับเป็นพีระมิดแห่งแรกของอียิปต์
ที่ฟาโรห์โจเซอร์ (Djoser หรือ Zoser) แห่งราชวงศ์ที่
3 เป็นผู้สร้างขึ้น โดยมี อิม โฮเทป (Imhotep) ที่ปรึกษาประจำองค์ฟาโรห์เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ
ลักษณะที่สำคัญคือเป็น พีระมิดขั้นบันได (Step Pyramid) ซ้อนกันรวม
6 ชั้น เปรียบเสมือนบันไดไปสู่สวรรค์ ส่วนพีระมิดรุ่นหลังที่เป็นแบบมหา พีระมิดที่แต่ละด้านของพีระมิดลาดเอียงลงประมาณ
51 องศามีความชันน้อยกว่าและไม่เป็นขั้นบันได ก็ถือว่าเป็นการลาดของลำแสงดวงอาทิตย์เช่นกัน
ในขณะที่พีระมิดยุคต่อมาจะไม่มีลักษณะของขั้นบันไดให้เห็น ก่อนหน้านี้สุสานของฟาโรห์จะสร้างอยู่ใต้ดินโดยปิดทับด้วยสิ่งก่อสร้างที่
ไม่สูงมากนักเรียกว่า มัสตาบา (Mastaba)
พีระมิดไมดุม (Meidum
Pyramid)พี ระมิดไมดุม สร้างโดยฟาโรห์สนอฟรู (Snofru) หรืออีกพระนามหนึ่งคือ ซเนเฟรู
(Sneferu) ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ที่ 4 ของอียิปต์โบราณ
เป็นพีระมิดที่พยายามพัฒนารูปแบบต่อจากพีระมิดขั้นบันไดของฟาโรห์โซเซอร์ โดยตั้งใจจะก่อสร้างให้มีรูปร่างเป็นพีระมิดที่สมบูรณ์
แต่เกิดปัญหาพังทลายลงระหว่างการก่อสร้างเนื่องจากพื้นทรายด้านล่างรองรับ น้ำหนักพีระมิดไม่ไหว
นักประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งเชื่อว่า ฟาโรห์สนอฟรูสร้างพีระมิดไมดุมนี้ให้กับ
ฟาโรห์ฮูนิ (Huni)ฟาโรห์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ที่ 3 ผู้เป็นพระราชบิดาของพระองค์
พีระมิดหักงอ (Bent Pyramid)พีระมิด หักงอ (Bent Pyramid) หรือบางครั้งเรียกกันสั้นๆ
ว่า พีระมิดเบี้ยว สร้างขึ้นโดย ฟาโรห์สนอฟรู (Snofru) หลัง
จากการก่อสร้างพีระมิดไมดุมประสบความล้มเหลว
เดิมมีเป้าหมายจะสร้างให้มีรูปร่างเป็นแบบพีระมิดที่สมบูรณ์
แต่เกิดปัญหาในระหว่างการก่อสร้างเนื่องจากแต่ละด้านของพีระมิดทำมุมชันมาก
เกินไปคือชันถึง 54 องศาทำให้ต้องเปลี่ยนแบบการก่อสร้างกลางคัน
กลายเป็นพีระมิดที่แต่ละด้านหักมุมเปลี่ยนความชันที่ประมาณระหว่างกลางความ สูงของพีระมิดเหลือความชัน
43 องศา นับเป็นพีระมิดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งเนื่องจากรูปร่างที่แปลกตาอย่าง
เห็นได้ชัดและแสดงถึงความสามารถของผู้สร้างที่สามารถแก้ไขปัญหาการก่อสร้าง ที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า
4,600 ปีมาแล้ว
ประสบการณ์จากพีระมิดหักมุมนี้เอง ทำให้การก่อสร้างพีระมิดแห่งต่อมาประสบความสำเร็จ
และส่งผลให้มีการสร้าง มหาพีระมิดแห่งกิซ่า ที่กลายเป็นหนึ่งเดียวของ เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
วิกิพีเดีย
|
0 ความคิดเห็น